อดีตพนักงานของเฟอร์รารีชี้ว่าปัญหายางที่มีมายาวนานเป็นปัญหาหลักของทีมในปีนี้ ซึ่งยังคงมีมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
ในขณะที่ SF-23 แสดงความเร็วหนึ่งรอบที่เทียบเท่ากับ RB19 แต่ก็ล้าหลังอย่างมากในแง่ของความเร็วการแข่งขัน รถเฟอร์รารี่ประสบปัญหาในการรักษาอายุการใช้งานของยาง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสมรรถนะได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่างที่โดดเด่นซึ่งเน้นประเด็นนี้เกิดขึ้นในช่วงเปิดฤดูกาลในบาห์เรน แม้ว่า เฟอร์รารีจะเลือกใช้กลยุทธ์แบบ soft-hard-hard แต่ เรดบูลทั้งสองก็สามารถทำให้กลยุทธ์แบบ soft-soft-hard ใช้งานได้นานขึ้น
การค้นหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องยากสำหรับทีมงานใน มาราเนลโลเนื่องจากแม้แต่การอัปเกรดล่าสุดก็ยังไม่สามารถจัดการกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับยางได้
อัลแบร์โต้ อันโตนินี่อดีตหัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ เฟอร์รารี แสดงความกังวลเกี่ยวกับความจริงที่ว่าปัญหายางดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อ เฟอร์รารี เท่านั้น ไม่ใช่กับทีมลูกค้าของพวกเขา
ในคอลัมน์ Formula Passion ของเขา อันโตนินี่ กล่าวว่า “สำหรับ เฟอร์รารี ฤดูกาลเริ่มต้นได้ไม่ดีและมีความเสี่ยงที่จะจบลงยิ่งกว่านั้น หากการพัฒนาไม่ให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง เช่นเดียวกับกรณีในสเปน… ในแง่หนึ่ง เป็นที่ชัดเจนว่า หากปัญหาเกิดขึ้นกับ SF-23 เท่านั้น ไม่ใช่รถคันอื่น ความผิดอยู่ที่ เฟอร์รารี ไม่ใช่ พิเรลลี่ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาการสื่อสารทางเทคนิคที่ชัดเจนระหว่าง มาราเนลโลและซัพพลายเออร์ยางแต่เพียงผู้เดียว”
พิเรลลี่เป็นผู้จัดหายางอย่างเป็นทางการสำหรับ Formula 1 ตั้งแต่ฤดูกาล 2011 ก่อนหน้านั้น บริษัท บริดจสโตนของญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ผลิตยางล้อเท่านั้น แต่ยังจ่ายเงินให้ เฟอร์รารี สำหรับการใช้งานอีกด้วย ครั้งสุดท้ายที่ เฟอร์รารี ได้ลิ้มรสความสำเร็จคือในช่วงยุคของ บริดจสโตนในปี 2007 โดย คิมิ ไรค์โคเนนผงาดขึ้นมาเป็นแชมป์
“ในยุคของบริดจสโตนมันไม่ใช่แบบนี้” อันโตนีนีกล่าวต่อ “แต่ในตอนนั้น ญี่ปุ่น [ซัพพลายเออร์] จ่ายเงินให้ทีมทุกปีเพื่อสิทธิพิเศษในการจัดหายาง”
